25 ส.ค. 2554

Just my World

with logo

ขอต้อนรับสู่ Blog น้อยๆของผมนะครับ เป็นช่างภาพครับ แต่ขอบอกว่าไม่ใช่ Professional นะครับ
แค่สนใจและรักกับงานศิลปะ ซึ่งผมไม่เคยได้รับรู้ความสุนทรีย์จากมันเลย จนกระทั่ง ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตที่
ซิดนี่ย์ จากคนที่มองแต่โลกด้าน Business อยู่ๆมาเข้าใจถึงศิลปะ(เข้าใจเพียงนิดซซซ์เองนะครับ)ออกจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับผม กำไรขาดทุน มันมองเป็นตัวเลขได้ แต่อารมณ์ ความรู้สึกและ การสื่อออกมานี่สิมันไม่เกี่ยวข้องกับตัวเลขเลย ถ้ารูปภาพ Portrait ใน Studio มันต้องการการ ยิ้มที่มุมปาก 20% อายคอนแท๊ก50% ที่เหลืออีก 30% เป็นการโพส มันก้ออาจะง่ายขึ้นสำหรับผม
แต่บังเอิญว่าความเป็นจริงมันไม่ใช่ T T

แม้ว่าบางกรณีการถ่ายรูปสำหรับผม มันสามารถมองออกมาเป็นตัวเลขเป็นสมการได้ แต่สุดท้ายหัวใจของมันอยู่ที่ หัวใจของเราครับ ไม่ใช่สมอง งานที่สื่อออกมาจากใจ คืองานที่ดีครับ แล้วก้อเป็นงานที่ยากด้วย งานระดับสุดยอดทั้งหลายของโลก เป็นงานพื้นๆ แสงเงาไม่หวือหวา บางทีเป็นขาวดำแต่ อารมณ์นี่สิครับ สุดยอดมากๆ แสงเงา การควบคุมกล้อง อุปกรณ์ ใครๆก้อเรียนรู้ได้ แต่การสร้างอารมณ์และจับเอาชั่วเสี้ยววินาทีนั้นให้มาเป็นรูปภาพนั้น ไม่ใช่ว่าใครๆก้อเรียนรู้ได้นะครับ ภาษาชาวบ้านๆเค้าเรียก "โครตตตตตเทพ"

โลกศิลปะที่ผมได้เรียนรู้มา มันเป็นการเสพด้วยประสาทสัมผัสทั้งหลาย ไม่ว่ามันจะมาในแบบของ รูป รส กลิ่นเสียง สัมผัส สิ่งพวกนี้จะสร้างความรู้สึกให้เราแบบไม่มีเหตุผลเลยครับ อยู่ๆก้อรู้สึก และรับรู้ได้ ในตอนที่ผมอยู่ในซิดนี่ย์ได้มีโอกาสสัมผัสงานศิลปะที่ครบทุกอย่าง ทั้งนี้เพราะเมืองนี้เรียกได้ว่า ผู้คนให้ความสำคัญกับศิลปะ และความสุนทรีย์ทั้งหลาย มากกว่า กรุงเทพเมืองฟ้าเยอะเลยครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ แค่อาหารในร้านอาหารในซิดนี่ย์ นั่นก้อถือเป็นศิลปะแล้วครับการจัดจาน สีของอาหาร ส่วนผสม ทุกอย่างมีความสำคัญหมดและถูก Present ออกมาในจานอย่างลงตัว (ยกเว้นรสชาติครับ เพราะบางร้านรสชาติน้องหมาไม่ทาน แต่คนกลับเยอะ บางร้านครับบางร้าน) และที่สำคัญ คนที่นั่นให้คุณค่ากับศิลปะและตีค่ามันด้วยตัวเงินที่สมเหตุสมผล แม้ว่าศิลปินต่างๆที่อาร์ตๆ หรือ ติสแดกส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนเรื่องเงิน แต่สำหรับมุมมองของผมแล้ว เงิน ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำหรับการพัฒนา ไม่มีเงินก้อซื้อกล้องไม่ได้ ซื้อหนังสืออ่านไม่ได้ ซื้ออะไรอีกหลายๆอย่างไม่ได้ สุดท้ายก้อต้องไปทำงานอย่างอื่น ถูกไหมๆ

ผมเจออะไรๆที่แตกต่างพอสมควรซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่ดี และเป็นการเริ่มต้นการได้รู้จักศิลปในอีกมุมมองหนึ่ง
เป็นการทำให้ผมกล้ากดชัตเตอร์ด้วยความภูมิใจว่ามันสามารถเลี้ยงปากท้องผมได้บ้าง อย่างน้อยก้อมากกว่าอยู่เมืองไทย เพราะผมไม่ใช่ระดับโครตเทพ ที่อยู่เมืองไทยแล้วหาเงินจากการถ่ายรูปได้เยอะๆ
และสุดท้ายพอเวลาผ่านไป ผมพบว่า "ผมรักมันว่ะ""โครตมีความสุขเลย"
ผมเริ่มที่จะตอบคำถามที่ผมสงสัยมานานให้กับตัวเองได้บ้างแล้วว่า มือผม มีไว้เพื่ออะไร มีไว้ทำอะไร


PS.มีคำถามไหมครับว่า "ผมนี่มันใครวะ"
Share This
 

Labels

Site Info

Followers

Nut_Sunday Copyright © 2009 BeMagazine Blogger Template is Designed by Blogger Template
In Collaboration with fifa